บทความเรื่องครูกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
ในโลกที่หมุนเร็วอย่างทุกวันนี้ ใครขยับนำหน้าย่อมเหนือกว่าและเป็นผู้ชนะ โลกสมัยใหม่จึงเป็นโลกของคนมีความพร้อมที่จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง ความท้าทายจึงตกอยู่กับผู้ผลิตบุคลากรอย่างสถาบันการศึกษาที่ต้องรุดหน้า ปรับเปลี่ยนตนเองให้เร็วยิ่งกว่า เพื่อสร้างคนให้เท่าทันกับการขยับตัวของโลก ซึ่งการสร้างเด็กให้เติบโตมาในยุคศตวรรษที่ 21 อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะสิ่งที่เคยเป็นมาอาจใช้ไม่ได้กับยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยน แปลงของสภาพแวดล้อม และปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
สอนเด็กอยู่กับธรรมชาติ
เมื่อโลกเปลี่ยน .... ยุคที่ผ่านมาเป็นเรื่องของความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ ความรู้คืออำนาจ เราจึงสอนให้เด็กใช้ความรู้เพื่อฝืนธรรมชาติ ต่อไปในศตวรรษที่ 21 ต้องเปลี่ยนความคิดและสร้างประสบการณ์ให้เด็กสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และเมื่อสิ่งต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนไป การสอนจะต้องไม่เป็นแบบแพ้คัดออกหรือให้โอกาสเฉพาะคนเก่งและละทิ้งเด็กเรียน อ่อน แต่จะต้องเป็นลักษณะของการช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นความท้าทายของผู้บริหารการศึกษา ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิดแบบเดิมและหันมาตอบโจทย์โลกได้หรือไม่
เมื่อโลกเปลี่ยน .... ยุคที่ผ่านมาเป็นเรื่องของความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ ความรู้คืออำนาจ เราจึงสอนให้เด็กใช้ความรู้เพื่อฝืนธรรมชาติ ต่อไปในศตวรรษที่ 21 ต้องเปลี่ยนความคิดและสร้างประสบการณ์ให้เด็กสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และเมื่อสิ่งต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนไป การสอนจะต้องไม่เป็นแบบแพ้คัดออกหรือให้โอกาสเฉพาะคนเก่งและละทิ้งเด็กเรียน อ่อน แต่จะต้องเป็นลักษณะของการช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นความท้าทายของผู้บริหารการศึกษา ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิดแบบเดิมและหันมาตอบโจทย์โลกได้หรือไม่
สร้างตัวตนและความเป็นคน
การที่เด็กมาอยู่ในโรงเรียนนั้น ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนจะสอนเด็กเพียงแค่ 3 ปี หรือ 6 ปี แต่สิ่งที่โรงเรียนสอนทั้งหมดจะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต โรงเรียนจึงต้องพยายามค้นหาศักยภาพและทำให้เด็กเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะภารกิจของโรงเรียนคือการสร้างมนุษย์ เขาอธิบายต่อว่า เด็กยุคนี้จะอยู่กับคอมพิวเตอร์ ครูจะต้องรู้จักเทคโนโลยีไม่เช่นนั้นเราจะสอนเด็กไม่ได้ และการสอนไม่ใช่การบอกให้เด็กไปค้นหา แต่ต้องให้เด็กรู้จักวิเคราะห์ พิจารณาข้อมูลและเอาตัวรอดจากสิ่งหลอกลวงที่มากับเทคโนโลยีให้ได้ เพราะเทคโนโลยีจะช่วยให้หลุดพ้น จึงต้องสอนให้เด็กใช้เทคโนโลยีอย่างฉลาด
เชื่อมการเรียนรู้นอกห้องเรียน
1.Learn to live เรียนเพื่อจะรู้จักใช้ชีวิตอยู่บนโลก
2.Learn to love สอนให้เด็กรู้จักโลก รักคนอื่น รักตนเอง
3.Learn to learn สอนให้เด็กรู้ว่าทำไมเราจึงต้องเรียน เรียนที่ไหน เรียนอย่างไร เรียนเมื่อไหร่ เรียนกับใคร และเรียนแล้วจะไปใช้ทำอะไร
4.Love to learn เด็กรักที่จะเรียนรู้ไปตลอดชีวิต
2.Learn to love สอนให้เด็กรู้จักโลก รักคนอื่น รักตนเอง
3.Learn to learn สอนให้เด็กรู้ว่าทำไมเราจึงต้องเรียน เรียนที่ไหน เรียนอย่างไร เรียนเมื่อไหร่ เรียนกับใคร และเรียนแล้วจะไปใช้ทำอะไร
4.Love to learn เด็กรักที่จะเรียนรู้ไปตลอดชีวิต
การเรียนไม่ใช่แค่การเรียนในระบบ แต่ต้องเชื่อมทั้งในระดับโลคอลและโกลบอล เทคโนโลยีจะทำให้ลดข้อจำกัดในการเรียนรู้ อุปกรณ์การเรียนการสอนจะทำให้เกิดการสื่อแบบหลายทาง คือเด็ก ครู และผู้ปกครองพ่อแม่อาจจะต้องเข้ามาเรียนการเลี้ยงลูกและต่อไประบบการศึกษาจะต้องมีผู้ เชี่ยวชาญปัญหาในแต่ละด้านเข้ามาช่วยให้คำแนะนำ ผนึกกำลังผ่านเทคโนโลยี นอกห้องเรียนและในห้องเรียน นอกระบบ ในระบบ ทำให้เด็กฉลาด แข็งแรง และอยู่รอด